Wednesday, August 10, 2016

บทเรียนของการปฏิบัติภารกิจ UN ในดาร์ฟูร์ ตอนที่ 2

ซีรีย์บอกเล่าความรู้และประสบการณ์ การปฏิบัติงาน สันติภาพ UNAMID เป็นระยะเวลา 1 ปี กล่าวคือ ตั้งแต่ 5 June 2012 - 5 June 2013 ในรูปแบบของการเขียนเล่าเรื่องเหตุกาณณ์ตามลำดับ แบ่งออกเป็น 4 ตอนด้วยกันคือ

ตอนที่ 1 ตั้งแต่กระบวนการสมัครสอบแข่งขัน การคัดเลือก การฝึกอบรม การเตรียมตัวเตรียมเอกสาร และการอนุมัติการเดินทาง ไปทำงาน

ตอนที่ 2 ตั้งแต่เริ่มลงเครื่องบินที่ประเทศซูดาน ไปจนถึงการเดินทางไปที่ บก.UN ที่เมือง El Fasher

ตอนที่ 3 การรับคำสั่ง Deployment ไปทำงานที่ บก.เซกเตอร์เวสต์เมื่อง Elginena

ตอนที่ 4 การจบภารกิจและเดินทางกลับมารายงานตัวที่ศูนย์สันติภาพ และกลับมาปฏิบัติงานที่หน่วยต้นสังกัด

ตอนที่ 5 เกร็ดความรู้และคำแนะนำสำหรับผู้สนใจทำงานกับ UN

ตอนที่ 2 การเดินทางเข้าไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศซูดาน 

ลืมบอกไปว่า ตำแหน่งและอัตราที่ผมกำลังจะเดินทางไปทำงานคือ ตำแหน่ง SO OPS1 ,SECTOR WEST ภารกิจ UNAMID ครับ คือตำแหน่ง นายทหารยุทธการ ประจำ บก.เซกเตอร์เวสต์ ตั้งอยู่ที่เมือง El Genena ,Sudan เขตติดต่อกับประเทศ ชาด 
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 3 มิ.ย.2555 โดยสายการบิน Qatar Airline ใช้เวลาบินประมาณ 6ชั่วโมงครึ่ง โดยประมาณ  จะถึงสนามบินนานาชาติโดฮา ประเทศการ์ต้า ลงเครื่องพักคอยประมาณ 2-3 ชั่วโมง

จากนั้น ก็ต่อเครื่องของสายการบินเดิม บินตรงเข้าสู่สนามบินนานาชาติกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของประเทศ ซูดาน  ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.กว่า ครับ


ลงเครื่องแล้ว จำเวลาไม่ได้แต่น่าจะประมาณ ตีสองกว่าได้  ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองตามระเบียบ จนท. ตรวจหนังสือเดินทาง ตรวจเอกสารเข้าประเทศ Visa รวมทั้งกรอกข้อมูลประวัติตามแบบฟอร์มที่เขาแจกให้ละครับ ใช้เวลาพักใหญ่ๆ ครับ ประมาณ 30-40 นาที ไปติดต่อรอรับกระเป๋าที่สายพานรับกระเป๋า แล้วออกมานอกอาคารผู้โดยสาร 

ความสับสนอลหม่านของผู้คน สภาพแวดล้อมของผู้คน ทำเอาผมตึบๆ ไปเหมือนกัน ดีที่มาพร้อม หน.อิ่ม พ.ท.สราวุธฯ ม่ายงั้นผมคงโดดเดี่ยวมากกว่านี้หลายเท่าแน่นอน 
ลองสื่อสารกับคนขับแท็กซี่ บอกรายละเอียดของโรงแรม และต่อรองราคากับคนขับแท็กซี่ที่พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้ แต่ก็ตกลงราคาไม่ได้ เราใช้เวลาอยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมง
สุดท้ายจำไม่ได้ว่า เราจำไม่ได้จริงๆ ว่าพวกเราไปหาซื้อ SIM โทรศัพท์ หรือใช้ตู้โทรสาธารณะในสนามบินโทรหาเบอร์โรงแรมที่พัก ได้ ซึ่ง Operator เป็นผู้หญิง สื่อสารภาษาอังกฤษ ได้ รู้เรื่อง เข้าใจกัน ว่า ส่งรถตู้มารอรับพวกเราอยู่แล้ว ก็เลยเดินๆ หากันสักพักหนึ่งก็เจอแล้ว คนขับพูดภาษาอังกฤษได้รู้เรื่อง เข้าใจ แล้วรับผมกับ พ.ท.สราวุธฯ ขึ้นรถไป โดยมีผู้โดยสารเป็น จทน.UN จากประเทศอะไรก็ไม่รู้ประมาณ 3-4 คน ร่วมเดินทางไปยังโรงแรมที่พักเดียวกัน 
ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึงโรงแรมที่พัก เข้าไปติดต่อและลงทะเบียนเข้าพัก แยกคนละห้อง แต่ชั้นเดียวกัน เวลาสักประมาณ เกือบๆ ตีสาม ได้มั่ง ก็แยกพักผ่อน และตั้งนาฬิกาปลุกตอนประมาณสัก 7 โมงเช้าได้

ภาพเตียงนอนของโรงแรม ผมลือชื่อและรายละเอียดการติดต่อไปแล้วละ ไว้ผมจะค้นรายละเอียดมาแปะเพิ่มให้ เพื่อมีคนสนใจอยากพักที่โรงแรมนี้ โดยทั่วไป ถือว่า Ok ระดับหนึ่ง ราคาต่อคืนตกประมาณ 30$ โดยประมาณนะครับ มีอาหารเช้า Breakfast ให้ และบริการรถ รับส่งลูกค้าฟรี จากสนามบิน แต่เราจะให้ทิปเป็นสินน้ำใจให้คนขับก็แล้วแต่ความสมัครใจส่วนตัว ไม่ได้บังคับ 
ภาพนี้ในมุมห้องอาบน้ำ เป็นยาสระผม และสบู่ ของซูดาน ที่ทาง โรงแรมจัดหาและเตรียมให้ลูกค้าครับ 


อาหารเช้ามื้อแรกในประเทศซูดาน
ไข่ต้น ขนมปังปิ้ง และนมสด ตามด้วยกล้วยหอม และมีลูกอะไรไม่รู้พึ่งกินเป็นครั้งแรก ลองชิมดูรสชาติเปรี้ยวๆ นิดหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ละ
จากนั้น ออกไปเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ โรงแรม นำโดย พ.ท.สราวุธฯ เช่นเดิม เพราะอย่างน้อยๆ ท่านก็เคยผ่านพื้นที่แถวนี้มาบ้างครั้งหนึ่ง เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมาครับ
พวกเราติดต่อร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ซื้อ SIM โทรศัพท์ใหม่ และเติมเงินแบบ 12Call ของไทยเรานี่แหละครับ โดยค่ายผู้ให้บริการจะมี 2 ค่ายหลักๆ คือ
ทดสอบระบบสื่อสาร โทรหากันเอง และโทรติดต่อกับ ทหารไทยที่ทำงานในภารกิจ บก.UN เมือง El fasher แจ้งว่าพวกเรากำลังจะไปหา

งานธุรการที่คาร์ทูม
แนะนำว่าเราควรจะรีบทำให้เสร็จภายใน 1 วัน ที่ สำนักงานส่วนหน้าของ สหประชาชาติหรือ UN ส่วนแยก ก็ว่าได้ เป็น Office ขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนถนน ห่างจาก โรงแรมที่พักไปประมาณ 30 นาทีโดยรถแท็กซี่ท้องถิ่นครับ
ไปถึงก็ต้องไปรายงานตัวหรือ Report In กับ นายทหารติดต่อ ชาว แกมเบีย ยศร้อยเอก ซึ่งเขาก็แนะนำดีครับ พวกเรากรอกข้อมูลลงทะเบียนด้วยระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ด้วยคำแนะนำของเขา ใช้เวลาพักใหญ่ๆ สัก 30 นาที
ลืมบอกไป ระบบฐานข้อมูลคน และสิ่งอุปกรณ์ของ UN ทั้งหมด จะทำบนระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้นนะครับ
จากนั้นจะเป็นการทำแบบทดสอบ Security basic และ Security Advance เป็นแบบทดสอบบนคอมพิวเตอร์ ที่เราต้องทำให้ผ่าน ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ถ้าทำผ่าน จะสามารถพิมพ์ใบประกาศ ผ่านการทดสอบออกมาได้
จากนั้น จะเป็นการรับฟัง Security Brief โดย จนท.ด้านรักษาความปลอดภัย ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
จะเป็นขั้นตอนการถ่ายบัตรประจำตัว ซึ่งออกโดยระบบคอมพิวเตอร์ เช่นกัน ถ่ายเสร็จ รอรับบัตร ได้เลย

จากนั้น นายทหารติดต่อ จะช่วยเหลือ ในการขออนุมัติการเดินทาง โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำในภารกิจของ UN เป็นการเฉพาะ เพื่อเดินทางจากเมือง คาร์ทูม ไปยัง บก.ใหญ่ของ UN ที่เมือง อัลฟาเซอร์ ในวันรุ่งขึ้นครับ ซึ่ง จนท.นัดแนะให้เราเข้ามารับใบอนุมติการเดินทางและดูเวลาออกเดินทางอีกครั้ง

พวกเราเรียกแท็กซี่ กลับโรงแรมที่พัก โดยตรง และนอนค้างคืนที่ โรงแรมอีกเป็นคืนที่ 2 ผมนี้รู้สึกเหนื่อยล้าจากการนั่งทำแบบทดสอบ Security basic และ Advance เป็นอย่างมาก ทั้งเหนือย กระหายและหิว
พวกเราออกไปหาอะไรกินแถวที่พัก เจอร้านข้าวไก่ย่าง ก็เลยเป็นมื้ออาหาร มื้อแรกๆ ที่จ่ายเงินซื้อกินเป็นทางการ

วันรุ่งขึ้น เราพากันไปติดต่อที่ส่วนหน้า UN อีกครั้ง เพื่อรับหนังสือการเดินทาง และดูเวลาบินอีกครั้ง
ป้ายประกาศรายชื่ออนุมัติการเดินทาง ในระบบของ UN เขาจะมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Mannifest


ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร เอกสารใบนี้น่าจะเป็น Manifest ฉบับแรก ที่แจ้งรายชื่อการเดินทางจากคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน ไปที่เมือง อัลฟาเซอร์ บก.UN ในวันที่ 10 มิ.ย.59 เวลา Check in ตั้งแต่ 1330-14.30

เรากลับมาที่ห้องพัก แพ็กของนิดหน่อย เตรียมเช็กเอ้าจาก โรงแรมที่พัก ช่วงสายๆ  และนัด คนขับรถของโรงแรมให้ไปส่งที่สนามบินของ UN ซึ่งอยู่ติดๆ กับ สนามบินนานาชาติคาร์ทูม หรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ เอาเป็นว่า คนขับรถเขามาส่งเราถูกก็ Ok แล้ว
เราผ่านกระบวนการตรวจเอกสารอนุมัติการบิน ตรวจบัตร จนท.UN และตรวจสัมภาระ เข้าไปพักคอยข้างในอาคารที่พัก เรียบร้อย ค่อยโล่งๆ อกหน่อย
จากนั้นก็ออกเดินทางโดยเครื่องบินโดยสาร Boeing เช่าเหมาลำของสายการบินอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ แต่ลูกเรือหน้าตา คล้ายๆ รัสเซียหรือประเทศอุซเบกิสถาน ประมาณนั้น

ใช้เวลาบนเครื่องไม่นานครับ ประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็ลงจอดที่สนามบินทหารของ UN ในเมือง El Fasher
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ภารกิจ
เรานั่งรถต่อมาที่อาคารรับกระเป๋า แม้ว่าการบริหารจัดการจะไม่เหมือนสนามบินพลเรือนจริงๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ เรารับกระเป๋า และลากเดินออกมาเก้ๆ กังๆ มองไปรอบๆ อาณาบริเวณที่ราบ  แห้งแล้ว และทะเลทราย สายลมอ่อนๆ แรงๆ สลับกันพัด ฝุ่นทราย คละคลุ้ง ไปมาตามจังหวะ
สังเกตุดูรั่วลวดหนาม สูงกั้นร่ายล้อม และมองเห็น ป้องรักษาการณ์ที่มีพลปืน ประจำการโดยรอบ และถัดๆ ไป ก็จะมี รถหุ้มเกราะของ ทหาร Un จากประเทศไหนก็จำไม่ได้แล้ว ถัดไป ก็รู้สึกจะมีทหารของรัฐบาลท้องถิ่นซูดาน อยู่แถวๆ นั้นด้วย
ความคิดแล่นแวป เข้ามาในหัว แวปแรก ผมฉงน และสับสนตัวเอง ว่าผมมาทำไม จะช่วยอะไรเขาได้ จะช่วยยังงัย จะมีใครมายิงหรือมาลอบทำร้ายเราหรือเปล่านะ ทำไมต้องคุ้นกันกันหนาแน่นขนาดนี้ และ บลาๆๆๆๆ


ไม่ต้องรอนาน ด้วย Connection และการสื่อสารและประสานงานกับชุดของทหารไทยที่ทำงานประจำที่ บก.เมืองอัลฟาเซอร์ ซึ่งจะเช่าบ้านอยู่รวมกันประมาณ 7-8 คน
และมีรถประจำแผนก ที่ลงทะเบียนใช้งาน มารอรับผมกับ พ.ท.สราวุธ ฯ ที่สนามบิน และพาไปพักที่บ้านพักเรียบร้อย

ผมได้รับเกียรติ แยกห้องพักให้ 1 ห้องด้านหลัง และมีบางส่วนที่ต้องพักรวมกัน 2 คน ลืมบอกไปห้องพักที่เช่าอยู่มี 4 ห้อง แยก และ 1 ห้องโถงรับแขก ดูทีวี กินข้าว ประชุม หารือกัน ในกลุ่มสมาชิกของบ้าน ซึ่งปกครองและดูแลโดยผู้อาวุโสรุ่นและยศทางทหารขณะนั้น จำได้ว่าเป็น เสธ.ไก่ พ.ท.กัมพล ฯ ซึ่งท่านก็เป็นคนง่ายๆ และดูแลทุกๆ คนเป็นอย่างดี



ห้องพักที่บ้านพักทหารไทยเมือง El Fasher ครับ 

ตอนเย็นๆ ก็จะมีการทำอาหารง่ายๆ ไปจ่ายตลาดโดยให้คนท้องถิ่นที่มารับจ้างทำความสะอาดบ้าน และช่วยดูแลเป็นยามให้ มี 2 คนผู้ชาย ทำหน้าที่เป็นยาม และอีก 1 คนเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ซักเสื้อผ้า โดย UN จะเป็นคนออกเงินเดือนค่าจ้างให้ อัตราคนละ 200$ ต่อเดือน ซึ่งเราต้องรับผิดชอบเบิกเงินในส่วนนี้ให้เขาด้วย

เมนูอาหาร ก็จะมีพวก ไก่ เนื้อวัว หรือเนื้อแกะ และผักผลไม้ในท้องถิ่น เครื่องปรุงรส ก็จะมีที่นำมาจากประเทศไทยครับ
ผ่านคืนแรกในเมือง El Fasher ก็ถึงเวลาเข้าไปรายงานตัวกับ CMO หัวหน้าฝ่ายทหารของภารกิจ UNAMID ในค่าย ซึ่งเป็น บก.ทำงานใหญ่ มีการสร้างอาคาร 2-3 ชั้นถาวร และสร้างอาคารกึ่งถาวร และกางเต็นต์แบ่งเป็นสำนักงานต่างๆ ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมล้อมโดยรั่วลวดหนามประตูทางเข้ามี จนท.รปภ. และกำลังรักษาความปลอดภัย ประจำการอย่างหนาแน่น
ภายในที่ตั้งจะมี Zone ที่เป็นห้องพักของ จนท.UN ด้วย แต่มีไม่เพียงพอ ทำให้ UN ต้องเสี่ยงให้ ออกไปเช่าบ้านพักข้างนอกในพื้นที่รอบๆ ค่ายได้ และกำหนดให้จ้างงาน ยามคนท้องถิ่นมา รปภ.ตลอดเวลาที่บ้านพัก 3 คน นั้นเอง
พักข้างในค่าย เสียค่าพักในอัตราที่แพงกว่าเช่าอยู่ข้างนอกมาก กล่าวคือตกประมาณ 720$ ต่อเดือน ขณะที่เช่าบ้านพักข้างนอกหารกันต่อคน อาจจะตกเพียง 100 $ ต่อเดือนเท่านั้น
ในค่าย บก.ก็จะมี Office ทางทหารและทางพลเรือนและส่วนที่ทำงานรวมกัน รวมทั้งส่วนที่เป็นกองกำลังระดับ กองพัน และกองร้อย ซึ่งจะเป็นหน่วยปฏิบัติด้านการแสดงกำลังและการคุ้มครองกาารรักษาความปลอดภัย ให้ จนท.UN ที่ไม่ติดอาวุธ และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ให้เกิดสันติภาพ และลดความขัดแย้งหรือการสู้รบของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในพื้นที่

เวลาและงานที่ต้องทำในห้วงที่มาถึงใหม่ๆ ที่ บก.UN เมืองอัลฟาเซอร์
มีงานธุรการ หรือกระบวนการที่ต้องกระทำไม่มากไม่น้อย ที่ผมขอเล่าให้ฟังดังนี้ ครับ



No comments:

Post a Comment