Sunday, September 13, 2009

เส้นทางการสู่การเป็นทหาร

วัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอมูลความรู้เกี่ยวกับการเป็นทหาร เพื่อให้ความรู้และเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจโดยทั่วไป
เป้าหมาย ผู้สนใจโดยทั่วไป
 การเป็นทหารเป็นเกียรติต่อตนเอง วงศ์ตระกูลและประเทศชาติ
ทหารซึ่งเริ่มรับจากชั้นประถม 6 คือ โรงเรียนดุริยางค์ทหารบก ระยะเวลาการศึกษา ๖ ปี แบ่งเป็น ๒ ตอน คือ หลักสูตรนักเรียนดุริยางค์ทหารบกตอนต้น ระยะเวลาการศึกษา ๓ ปี และหลักสูตรนักเรียนดุริยางค์ทหารบกตอนปลาย ระยะเวลาการศึกษา ๓ ปี
สนใจข้อมูลดูที่เว็บไซต์ของหน่วย http://home.iirt.net/~rtab/school.html
จากนั้นก็จะเริ่มที่ระดับชั้นมัธยมต้น ม.3 อายุ 14-17 โดยประมาณ
โรงเรียนเตรียมทหาร
เป็นสถาบันที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กหนุ่มจำนวนมากจากทั่วประเทศที่อยากเข้าสู่สถาบันอันทรงเกียรตินี้ เป็นสถาบันหลักในการผลิตนักเรียนเตรียมทหารเพื่อเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยของแต่ละเหล่าทัพ (ทัพบก เรือ อากาศและตำรวจ) ปัจจุบันการแข่งขันสูงมากเด็กที่สอบได้ส่วนใหญ่จะมาจากสถาบันติวเตอร์ชื่อดังทั้งต่างจังหวัด(ดาวตะวัน ลพบุรี)และในกรุงเทพฯ ขณะที่จำนวนที่รับได้ในแต่ละปีไม่มากนักประมาณเหล่าละ 200 คน โดยหลักสูตรนี้จะเรียนที่เตรียมทหาร จว.นครนายก 3 ปี และเข้าสู่โรงเรียนเหล่าอีก 4 ปี รวม 7 ปี จึงจะสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารหรือนายตำรวจต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของโรงเรียนเตรียมทหาร www.afaps.ac.th
นอกจากนั้นยังมีสถาบันการศึกษาทางทหารอื่นที่น่าสนใจได้แก่
โรงเรียนช่างฝีมือทหารบก เป็นหลักสูตร ปี อยู่ที่กรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ที่ต้องการมีความรู้วิชาชีพในสายช่างและรับราชการด้วยในเวลาเดียวกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของโรงเรียนช่างฝีมือทหาร www.mtts.ac.th

โรงเรียนจ่าอากาศ ที่ตั้ง กรุงเทพมหานคร หลักสูตร 3 ปี
เว็บไซต์ www.atts.rtaf.mi.th

จากนั้นก็จะเริ่มที่ระดับชั้นมัธยมปลาย ม.6 อายุ 18-20 โดยประมาณ
สำหรับตอนนี้จะเป็นหลักสูตรนายทหารประทวนของแต่ละเหล่าทัพ อาจจะเป็นเด็กหนุ่มที่ผิดหวังจากการสอบเข้ามหาลัย หรือเพิ่มค้นหาตัวตนเองเจอว่าอยากเข้าสู่การรับราชการทหาร หรือเหตุผลอื่นๆ จิปาถะ เช่น เงินทุนการศึกษา ความชอบส่วนตัว เพื่อน แฟน หรือ พ่อแม่ ฯลฯ
โรงเรียนนายสิบทหารบก
หลักสูตร 1 -2 ปี โดยประมาณ โดยที่ตั้งของโรงเรียนเหล่าก็จะแตกต่างกันไป เช่น โรงเรียนนายสิบทหารราบ จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,เหล่าแพทย์ และเหล่าปืนใหญ่ จว.ลพบุรี ,เหล่าม้า จว.สระบุรี ,เหล่าสื่อสาร จว.สมทรสาคร เป็นต้น โดยเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับยศสิบตรี บรรจุเข้ารับราชการตามหน่วยต่างๆของ กองทัพบกทั่วประเทศ
การดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือกโดย กรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนเทิดดำริ เขตดุสิต จว.กรุงเทพฯ (มาจาก ตจว.ลงสถานีรถไฟสามเสน แล้วเดินมาประมาณ 100 เมตร ) โดยห้วงเวลาในการรับสมัครประมาณ เดือน กุมพาพันธ์ของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของกรมยุทธศึกษาทหารบก www.atc-rta.com

โรงเรียนจ่าอากาศ เลขที่ 171/1 หมู่ 10 ถนนพหลโยธิน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพ ฯ 10210 โทรศัพท์ที่ติดต่อ 02-5343763 ,02- 5344365
เว็บไซต์ www.atts.rtaf.mi.th

โรงเรียนจ่าทหารทหารเรือ
เว็บไซต์ www.nrs.ac.th
สำหรับหลักสูตรนี้โดยทั่วไปผู้ที่มีผลการศึกษาดีเลิศ อันดับ 1-2 ของแต่ละเหล่าจะได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยของแต่ละเหล่า
ลำดับสุดท้ายคือผู้ที่พลาดหวังหรือไม่ต้องการที่จะรับราชการอาชีพทหาร แต่ท่านก็ยังต้องเข้ารับการตรวจสอบและคัดเลือกทหารประจำปีเช่นกันคือการปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมาย ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ตอนที่ มาตราที่ ระบุไว้ว่า หน้าที่ของชายไทยทุกคนต้องเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ แต่ปัจจุบันศึกสงครามมีน้อยลงกว่าอดีต จำนวนทหารที่ต้องการจึงมีจำนวนลดลง แต่ทุกคนก็ต้องปฎิบัติ คือ เมื่อมีอายุครบ ๑๗ ปีจะต้องไปขึ้นทะเบียนทหาร เพื่อจะได้รับหลักฐาน จากนั้นเมื่อมีอายุครบ 21 ปีจะต้องรายงานตัวเพื่อเข้ารับการคัดเลือกที่อำเภอท้องที่ตามภูมิลำเนาอาศัยอยู่ ปัจจุบันใช้ระบบการจับฉลากใบแดงใบดำ ถ้าจับได้ใบแดงจะต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 2 ปี(ยกเว้นกรณีผ่อนผันเช่น เรียน รด.มาก่อน) ถ้าหากได้ใบดำก็ไม่ต้องรับการคัดเลือกจะได้รับหลักฐานผ่านการคัดเลือกคือ ใบ สด.
สุดท้ายของสุดท้ายผู้ที่ยังต้องการเป็นทหารจริง สามารถสมัครเข้ารับราชการเป็นพลทหารอาสาสมัคร กองพันจู่โจม ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้จากลิงค์นี้นะครับ
 ข้อมูลสมัครสอบพลอาสาพันจู่โจม
บทสรุป
อาชีพทหารเป็นอาชีพที่มีเกียรติ รายได้น้อยแต่มีความมั่นคงและสวัสดิการอื่น ๆทดแทน เช่น ค่ารักษาพยาบาลฟรี ทั้งพ่อแม่บุตรภรรยา เป็นต้น นอกจากนั้นข้อพิจารณาคือต้องมีความอดทน เสียสละและมีสุขภาพแข็งแรงเนื่องจากเป็นอาชีพที่จะต้องมีความจำเป็นในการใช้กำลังในการฝึกศึกษาเพื่อให้มีความพร้อมในการสู้รบกับอริราชศัตรูของแผ่นดินเมื่อเกิดศึกสงครามต่อไป
สุดท้ายจริงๆ จากคนเขียนบทความนี้ เป็นอาชีพทหารหรือไม่ไม่สำคัญ ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของชาติและมีคุณค่าด้านอื่นๆ เช่นกัน ขอเพียงเป็นคนดีของสังคมสำคัญที่สุด

No comments:

Post a Comment