Thursday, September 10, 2009

ถามว่าเรียนร่มกับจู่โจมอย่างไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

คำตอบสำหรับผมนะครับ มันก็เหนื่อยทั้งคู่แหละครับ แต่จู่โจมจะยาวกว่าเท่านั้นเองครับ เรียนร่มก็ต้องวิ่งทุกวัน เช้าเย็น เพื่อเอากำลังขานั้นแหละครับ แม้ว่ามันจะไ่ต้องแบกเป้ถือปืนวิ่งเหมือนหลักสูตรจู่โจมก็ตามที แต่มันก็วิ่งนานและไม่ค่อยหยุดซะด้วย ตอนเย็นๆ วิ่งกันสัก 5 โมงเย็น ก็วิ่งไปเรื่อยๆ แหละครับ สักประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้ บางทีครูฝึกเคยพาวิ่งออกนอกค่ายไปที่ 4 แยกเอราวัณนะครับ แต่ปัจจุบันรถมันเยอะ (ผมคิดเอาเอง) รุ่นหลังๆ ก็เลยต้องวิ่งในค่ายเป็นหลัก ดังนั้นใครทีจบ Ranger มาก่อน หรือคิดว่ามาเรียนร่มหลักสูตรพักผ่อนก็คิดผิดแน่นอนครับ ทางที่ดีต้องตรียมร่างกายและหัวใจมาให้พร้อมครับ ไม่งั้นอาจจะยางแตกหรือจอดไม่ต้องแจวก่อนเวลาอันควรแน่ๆ ครับ ความสุขของนักเรียนร่มจะมากกว่านักเรียนจู่โจมก็ตรงที่หลังทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาส่วนตัวของนักเรียน ก็จะขัดรองเท้า ขัดเครื่องหมาย เตรียมชุด พร้อมรับการตรวจร่างกายในตอนเช้านะครับ บางที่ก็มีญาตเอาของมาฝาให้ทาน ส่วนมาก็จะเป็นขนม หรือผลไม้นะครับ หรือใครบ้านไกลก็ซื้อหาจาก PX ของกองร้อยนั้นแหละครับ ที่ขายดีก็คงเป็นนมถั่วเหลืองไวตามิลค์นะครับ และขนมหวานพวก Cake ราคา 5บาท 10 บาท ประมาณนั้น ถ้าเป็นช่วงหลักสูตจู่โจมเข้าด้วยกัน ก็จะมีเรื่องเล่าตลกๆ เพราะกองร้อย นร.จจ.และ นร.ร่ม มันตั้งอยู่ตรงข้ามใกล้กัน จำนวนนักเรียนของสองหลักสูตรก็โขอยู่ประมาณรุ่นละ 200 คน ต่อหลักสูตร สังเกตได้ง่ายๆ นักเรียนร่ม ครูฝึกจะให้อาบน้ำแปะแป้งหน้าขาวหอมกลุ่นกันทุกคน ส่วนกองร้อยนักเียนจู่โจมก็จะกลับมาจากฝึกช้าหน่อย หน้าตาหิวโซมาแล้ว ใบหน้าก็จะเห็นแต่ลูกตา เพราะูถูกทาไว้ด้วยแป้งเหมือนกัน แต่เป็นสีพรางหน้าสีดำเมี่ยมทีเดียว
เขียนไปเีขียนมา ซักงงตัวเอง ออกนอกประเด็ไปเรือยเลย จบดีว่า แล้วถ้ามีเวลาจะมาเกาให้ใหม่ไปละ
สรุปคือว่า มันเหนือยทั้งสอหลักสูตร แต่เหนือยคนละแบบ และ จจ.จะเหนือยนานกว่า ครับ

No comments:

Post a Comment