Monday, July 31, 2017

เส้นทางทหารอาสาสมัคร กองพันจู่โจม ????

วลีว่า นี้ ใครกล่าวไม่สำคัญ แต่ว่ามันมีอยู่จริง "อยากเป็นทหาร คิดให้ดีนะ อาชีพนี้เหนื่อยนะ " จริงอยู่ที่ทุกอาชีพ จะต้องเหนือกาย ใจ สมอง กันทั้งนั้น มากน้อยแตกต่างกันออกไป  แต่อาชีพทหาร เป็นการเหนื่อย ต่อเนื่อง และยาวนานกว่า และบางครั้งก็เสี่ยง  หรือเดิมพันชีิวิตกันเลยทีเดียว คำกล่าวนี้ ไม่ได้กล่าวเกินเลย ความจริงแต่อย่างใด


จึงไม่แปลกที่พ่อแม่หรือคนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ จะเลือกให้ลูกเรียน รด. หรือ เลือกเรียนสายอื่นๆ ที่มันเหนื่อยกาย น้อยกว่า แต่มีเงินรายได้สูงกว่า หรือมากกว่า  เช่น หมอ วิศวะ หรือสถาปนิก เป็นต้น
สำหรับ บทความนี้ Admin นำมาแชร์ และขยายความเพิ่มเติม สำหรับน้องๆ หรือชายไทย วัยหนุ่ม วัยฉกรรจ์ อายุระหว่าง 18 -25 ปี บริบูรณ์ ที่สนใจและอยากเป็นทหาร
ทั้งที่ติดตามผ่านบทความบนบล็อกนี้ หรือสอบถามผ่าน email ส่วนตัวของ Admin มา

คุณสมบัติพื้นฐานของคนสมัครสอบ พล.อสส.จจ.


  • อายุ 18-25 ปี 
  • การศึกษา ชั้น ป.6 ขึ้นไป
  • ไม่รับทหารเก่า และคนที่จบ รด.ปี 3

การทดสอบร่างกาย พละศึกษา จำนวน 5 ด้วยกัน  ท่า คือ

1 ท่าดึงข้อ ผ่าน 9 ครั้ง เต็ม 20 ขึ้น ควรทำให้ได้มากที่สุด  ถือเป็นท่ายาก และมีคนตกท่านี้มากที่สุด ยอดคนทดสอบปกติหลัก 400 คน ยอดคนที่รับได้ประมาณ 100 คน เฉลี่ย 4 : 1
ใครอยากเป็นจริงๆ ฟิตท่านี้มาให้ดีๆ เลย ครับ  เพราะต้องใช้ความแข็งแรงของแขน และหัวไหล่มากๆ เลย ท่านี้

2  ท่าลุกนั่ง Sit up ผ่าน 50 ครั้ง ภายใน 2 นาที



3 ท่าดันพื้น ผ่าน 32 ครั้ง ในเวลา 2 นาที

4 ท่าวิ่ง ระยะทาง 1 ไมล์ หรือ 1.6 กิโลเมตร ภายในเวลา 8.30 นาที ท่านี้ หลังจาก ทดสอบท่าอื่นๆ มาด้วยแล้ว คนที่ฟิตไม่พอ ก็จะตกกันมากอันดับสอง รองจากท่าดึงข้อ


5 ท่าว่ายน้ำ 100 เมตร ภายในเวลา 2.35 นาที


การทดสอบในวันที่ สอง จะเป็นการการทดสอบจิตใจ และความแข็งแกร่งด้านร่างกาย ผ่านด่านทดสอบ อุปสรรค และสิ่งกีดขวาง ต่างๆ รวม 9 สถานี

  • การไต่เชือกทางดิ่ง
  • การข้ามลำน้ำ 
  • การขึ้นที่สูง
  • การลอดรั่วลวดหนาม
  • การแบกท่อนซุง
  • การต่อสู้ด้วยดาบปลายปืน 
  • การลอดถ้ำเสือ 
  • การคลาน



อาจจะเรียกว่า เป็นด่านทดสอบหิน หรือ นรก สำหรับคนที่ไม่พร้อม และลาออกไป


บทสรุป
ถือว่า สรุปเนื้อหา ตามขั้นตอนการทดสอบ และถ่ายทอดให้เห็นภาพจริงของกิจกรรมการทดสอบ เพื่อให้คนที่สนใจ หรือต้องการ สมัคร ได้เห็นและเข้าใจ ได้ว่า คุณจะยอมเหนื่อยขนาดนี้หรือไม่ เหนื่อยไปทำไม เพื่อใคร หรือทำไปทำไม เช่อว่า ต่างคนก็ต่างมีคำตอบที่แตกต่างกันออกไป

บางอย่างก็สอนกันไม่ได้ ต้องเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงเท่านั้น เช่นเดียวกันกับคำถามที่คุณอยากรู้คำตอบ ว่า จะเหนื่อยไปเพื่ออะไร????

ต้องขอบคุณโลก IT ที่ทุกวันนี้ ทำให้เราได้เห็นภาพ และความจริงเหล่านี้ ได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น สำหรับคนที่เห็นแล้ว จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ว่า จะยังคงอุดมการณ์ และความต้องการ Desire ของตัวเอง เช่นเดิม หรือเปล่า หรือ จะหันหน้าหนีไปมุ่งมั่นกับการเรียน ทางวิชาการ การศึกษาอะไรที่มันใช้สมอง มากกว่าจะใช้พละกำลังแบบอาชีพนี้ ก็จะได้พิจารณากัน ให้ดีๆ ต่อไป




เรียบเรียงข้อมูลมาจาก : http://www.youtube.com/user/NOWTV26

สำหรับ ผลตอบแทนของการเหนื่อยขนาดนี้ 


โอกาสของการเลื่อนยศเป็นนายสิบต่อไป  หากรับราชการครบ 2 ปีขึ้นไปแล้ว มีความประพฤติดี ผลการทำงานดี มีวินัยดี จะได้รับการพิจารณา เลื่อนยศ โดยการให้โควต้า บรรจุเป็ฯ ข้าราชการ หรือนายสิบ ประมาณ 20-30 นายต่อปี กันทีเดียว

หรือ ลาออกไปสอบเข้า โรงเรียนนายสิบ ก็จะมีคะแนนพิเศษ และสอบแข่งขันกันในโควต้าของ คนที่ผ่านการเป็นพลทหารมาก่อนแล้วเท่านั้น
แน่นอนว่า หากจะไปสอบแข่งกับ เด็กๆ ที่จบ ม.6 มาใหม่ๆ ย่อมยากกว่า หลายเท่า ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีกว่า สำหรับการสอบเป็นนายสิบ หรือเล่ือนชั้นเป็นนายสิบ รบพิเศศษ ต่อไปในอนาคต



No comments:

Post a Comment