Sunday, October 11, 2009

แนะนำหนังดีน่าดู the shooter

เรื่องย่อ the shooter
จ่า Bob Lee Swagger (Mark Wahlberg), อดีตสุดยอดพลซุ่มยิงมือหนึ่งของหน่วยนาวิกโยธินของกองทัพเรือ เป็นอีกหนึ่งในสุดยอดพลแม่นปืนที่สามารถยิงทำลายเป้าหมายในระยะไกลได้อย่างแม่นยำ เขาลังเลที่จะตัดสินใจทิ้งบ้านที่สงบเงียบบนเขาของเขาเพื่อเข้าทำงานให้รัฐบาล ที่มีพันเอก Isaac Johnson (Danny Glover). พันเอก Johnson วิงวอนให้เขาใช้ความสามารถพิเศษของเขาเพื่อช่วยเหลือการป้องกันประธานาธิบดีจากการถูกลอบยิงจากระยะไกล โดยพันเอก Johnson ให้ข้อมูลเมือง 3 แห่งที่ประธานาธิบดีมีกำหนดการเยือน

จ่า Swagger ได้สำรวจและประเมินสถานที่ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเขาพบว่าเมือง Philadelphia เป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลอบซุ่มยิงจาก sniper ในระยะไกล เขาได้แจ้งข้อมูลให้กับพันเอก Johnson, และทีมงานเพื่อวางแผนรับมือการลอบสังหารประนาธิบดีในครั้งนี้ แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันเป็นตาลปัตร เมื่อทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของพันเอก johnson และทีมงาน เป็นสถานณ์การที่ยุ่งยากและซับซ้อน ขณะที่จ่า Swaggerกำลังทำงานอยู่กับทีมงานของ พันเอก Johnson's agents — รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น — เพื่อสืบหาข่าวเกี่ยวกับพลซุ่มยิง,ผู้ที่ถูกยิงไม่ใช่ประธานาธิบดีแต่เป็น Ethiopian archbishop ซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของประธานาธิบดี. จ่า Swagger ถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่สามารถหลบหนีออกมาได้ มีการออกข่าวไปทั่วประเทศว่าเขาเป็นมือปืนและกำลังหลบหนีการจับกุม ระหว่างการหลบหนีเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษมือใหม่ คือ Nick Memphis (Michael Peña,ซึ่งถูกเขาแย่งปืนและรถขับหนีไป

การตามล่าเขาเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่านกาย เขาต้องขับรถเข้าไปหลบในที่บริการล้างรถ และทำแผลที่ถูกยิง ต้องขับรถหลบหนีลงไปในแม่น้ำ Delaware River ขณะที่กำลังถูกไลล่าอย่างหนัก . เขาหลบหนีไปพบกับ Sarah Fenn (Kate Mara), ม่ายสาวอดีตภรรยาของเพื่อนพลซุ่มยิงในสงครามด้วยกัน และเขารอดชีวิตจากการช่วยเหลือของเธอในการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากแผลที่ถูกยิง และเธอได้กลายมาเป็นผู้ช่วยของเขาในการสืบค้นหาความจริง ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไร ใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมดที่แท้จริง

เมื่อทีมงานผู้วางแผนต้องการตัดตอนความลับ จึงอุ้มตัว จนท.พิเศษ และพยายามสร้างเรื่องว่าเขายิงตัวตายเอง แต่โชคดีที่จ่า Swagger มาช่วยเขาไว้ก่อน จากนั้นทั้งสองคนได้ร่วมมือกันเพื่อค้นหาความจริง โดยได้ไปพบกับ ผู้ชำนาญเรื่องอาวุธปืน (Levon Helm) in Athens, Tennessee. จากนั้นได้วางแผนหาตัวมือยิงที่แท้จริง คืออดีตพลซุ่มยิง เพื่อนของพันเอก Colonel Johnson. เมื่อเจอตัวแล้ว ใน Lynchburg, Virginia, เขากลับตัดสินใจยิงตัวตาย หลังจากที่เปิดเผยว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือ archbishop เพื่อไม่ให้พูดถึงเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่นโดยสมาชิกวุฒิสภา Charles Meachum (Beatty); ทำให้จ่า Swagger ทราบว่าภารกิจที่เขาเคยทำงานเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้เพื่อนของเขาเสียชีวิต ก็มีส่วนเกี่ยวโยงและสัมพันธ์กัน ด้วยความช่วยเหลือของ จนท.พิเศษ l Memphis's ทำให้เขาสามารถหลบหนีจากการซุ่มโจมตีโดยการสังหาร ทหารรับจ้างไปกว่า 24 คน

ขณะที่ Sarah ถูกจับตัวเพื่อล่อให้จ่า Swagger ออกจากที่ซ่อน .ด้วยหลักฐานที่มีอยู่ทำให้เกิดการแลกตัวประกันกัน หลังจากสังหารพลซุ่มยิงที่ซ่อนอยู่และช่วยเหลือ Sarah, จ่า Swagger และ Memphis ได้ยอมมอบตัวกลับ จนท. FBI.

การสอบสวนโดย ผอ.ของ FBI และ หน.อัยการ General present, จ่า Swagger ใช้ปืน rifle ของเขาบรรจุกระสุนและเล็งยิงไปที่พันเอก Johnson แต่กระสุนด้าน.จ่า Swagger อธิบายว่าทุกครั้งที่ออกจากบ้านเขาจะถอดเข็มแทงชนวนออกจากตัวปืน เพื่อไม่ให้สามารถใช้การได้ อย่างไรก็ตามด้วยชั้นเชิงทางกฏหมายที่เหนือกว่าทำให้พันเอก Johnson explains that every time he leaves his house, he takes out all the fireing pins rendering them unable to fire until he returns. Although Swagger is exonerated, Colonel Johnson takes advantage of a legal loophole — the Ethiopian genocide is outside American legal jurisdiction — and walks free. The attorney general approaches Swagger and states that as a law enforcement official, he must abide by the law (he insinuates that if it was the "wild west" it would be appropriate to clean the system with a gun). Afterwards, the Colonel and the Senator plan their next move while at the Senator's vacation house — only to be interrupted by an attack by Swagger. He kills both conspirators, one of the Colonel's aides and two bodyguards, then breaks open a gas valve before leaving. The fire in the fireplace ignites the gas, blowing up the house. The final scene shows Swagger getting into a car with Fenn and driving away.

No comments:

Post a Comment